Nakkhatta Profile อารทรา - นิยาย Nakkhatta Profile อารทรา : Dek-D.com - Writer
×

    Nakkhatta Profile อารทรา

    ภาคต่อของ Nakkhatta Profile อัศวินและอสิเลสะ คราวนี้เป็นเรื่องราวของอารทราครับ ใครที่เป็นแฟนหรือสนใจในตัวอารทรากรุณาอย่าพลาด เพราะผมจะเปิดเผยตัวตนแท้จริงของเขาให้อย่างละเอียดในเรื่องนี้ครับผม

    ผู้เข้าชมรวม

    1,672

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    1.67K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    3
    จำนวนตอน :  22 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 ม.ค. 56 / 15:52 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                        
        อารทรา หรือ อัทระ เป็น 1 ในเทพนักขัตตะ ที่มีบทบาทปรากฏในงานเขียนของผมตั้งแต่ Nakkhatta Profile ภาคแรก (อัศวิน) แล้ว  คราวนี้มาในภาคของอสิเลสะ  ก็เลยเพิ่มบทบาทให้อารทรา  ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆนักอ่านทุกๆท่านได้รู้จักกับเขามากขึ้น  และขอแถมให้ด้วย Profile ของเขาตามนี้ครับ

    ชื่อ อารทรา (อา - ระ - ทะ - รา ) หรือ อัทระ (อัด - ทะ -  ระ)

    กลุ่มดาว : ฉัตร (บีเทลจุส หรือ อัลฟา โอไรออน)

    ราศี : เมถุน

    ฤกษ์ : เทวี

    เทพประจำฤกษ์ : พระรุทระ

    ฉายา : Mighty arms (แขนยักษ์) , Star of Fighting (ดาวแห่งการต่อสู้) , Red Gigas (ดาวยักษ์แดง)

    อัญมณี : Hyacinth หรือ Red Tiger s eye หรือ Carnelian


          อัทระเป็นเทพบุตรร่างสูงโย่งและมีช่วงแขนขาที่ยาวจนแลดูเก้งก้าง เส้นผมก็ฟูชูชันดุจเกสรของดอกโคกกระสุน (จนทำให้ผู้คนสงสัยว่าร่างที่แท้จริงของเขาเป็นยังไงกันแน่) ยิ่งกว่านั้นเครื่องแต่งกายของอัทระก็ไม่ซ้ำแบบพวกพ้องอีกด้วย เพราะเขาใส่ชุดเกราะหนังที่มีขนปุกปุยสีน้ำตาลแดง (ขนสั้นๆแบบผมลองทรงเด็กมัธยมหรือขนแมวอเมริกันชอตแฮร์) ซึ่งเกราะันั้นทำมาจากหนังอะไร ผมจะเปิดเผยให้รู้ในโอกาสต่อๆไปครับ  ส่วนด้านผิวกายของอัทระนั้นจะค่อนข้างขาว และตัวเขาเองก็อยู่ในวัยหนุ่มเต็มที่แล้ว
    (แลดูอายุประมาณ 22 - 24) และลักษณะเด่นอีกอย่างของเขาก็คือนัยน์ตากลมโตวาววามที่เปี่ยมด้วยอำนาจ และตบะอันแก่กล้า ซึ่งสามารถส่องประกายแสงสีแดงออกมาจากส่วนของตาดำได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ แสดงฤทธิ์...

    บุคลิก ของอารทราจะเป็นทำนองพวกนักบวชหรือโยคีที่ออกมาเพื่อฝึกวิชาแต่ไม่ใช่เพื่อ การหลุดพ้นเป็นหลัก  แต่เป็นเพื่อสะสมฌานสมาธิและฤทธา  เขาจึงมีการแสดงออกที่แตกต่างไปจากอัศวินพอสมควร เพราะจะออกทำนองนักบวชหรือจอมเวทที่พอเจอพวกเดียวกันแล้ว แทนที่จะปฏิสันถารกันเรื่องธรรมะหรือการหลุดพ้น (แบบอัศวิน) จะกลับกลายเป็นการประชันหรือลองฤทธิ์ลองวิชากันมากกว่า (ตามแบบตำนานที่มีเรื่องเล่าว่า บางทีโยคี หรือชีปะขาว หรือแม้แต่พระภิกษุที่ฝึกวิชาในป่าจนแก่กล้า พอเจอหน้าพวกเดียวกันก็ประลองฤทธิ์กันจนป่าแทบแตก เป็นต้น) ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทุกๆท่านจะเห็นอัทระคอยใช้วิถีจิตตัวเองตามวาระจิตของ พวกพ้องอยู่บ่อยๆ  ทว่าถึงแม้อัทระจะติดในฤทธานุภาพดังกล่าวมา แต่เขาก็มีคุณธรรมของนักสู้ที่ดี คือรู้แพ้ - รู้ชนะ - รู้อภัย กล่าวคือ ถึงเขารู้ว่าตนเองยังด้อยกว่าอัศวินและโรหิณี แต่อัทระก็ไม่ได้มีความอิจฉาหรือริษยาแต่อย่างใดเลย ไม่เหมือนพวกมนุษย์ที่พอเห็นใครดีกว่าต้องหาทางสอยลงล่างแล้วกดให้ต่ำ ดังนั้นหากน้องๆและท่านผู้อ่านทุกๆท่านเอาอย่างอัทระ โลกและสังคมของเราคงสงบและน่าอยู่มากขึ้นแน่ๆครับ
     

    เพื่อนสนิท : ปุนัพพสุ , อัศวิน , มฤคศิระ , อสิเลสะ

    Familiar : จอม เวทปีศาจ , นักบวชปีศาจ , โยคีไพร , ชีปะขาว , นักบวชแหกกฎ , นักบวชแห่งความมืด (Dark Priest) , หมอผี , หมออาคม , ฌายกะ , อฌายกะ และ ชญานิน (สามชื่อหลังนี่ก็เป็นพวกคงแก่วิชาทั้งนั้นครับ ไม่ต้องสงสัย ไว้โอกาสหน้าจะอธิบายขยายความให้)

    อาวุธ : ฌาน , พลังจิต , พลังวิญญาณ และร่างกายของตนเอง

    สไตล์ความหล่อ : หล่อแบบหนุ่มเซอร์ๆ  ผิวสีอ่อนตัวสูงๆโย่งๆกระมังครับ (ใครที่ชอบคนสูงๆแขนยาวๆ ขายาวๆ ก็คงชอบเขาแหละ)

           

    Weakness / Resist : Strong against Magic , Mind and Spirit , Uneffect by , Curse , Gravity and Noise

    Skill / Power / Weapon

    1. ชาล (ตาข่าย , ร่างแห) = เสกใยแมงมุมหรือตาข่ายพันธนาการหรือจับตัวศัตรู

    2. โกรม (ใต้ฟ้า) = หมายถึงผู้อยู่ใต้ฟ้า ย่อมไม่มีอำนาจเหนือฟ้าได้ (งงไหม) จึงทำให้ผู้ที่ต้องอาคมนี้ (และมีพลังอำนาจอ่อนแอกว่าผู้ใช้) กลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่อาจใช้อาคมหรือวิชาใดๆได้เลยไปชั่วเวลาหนึ่ง (ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เหยื่อจะทำได้แค่เตะแค่ต่อยธรรมดาๆเท่านั้น  และหากอัทระต้องการก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามไร้วิชาไปตลอดกาลก็ได้)


    3.
    กระแบ่ = แยก ชิ้นส่วนตนเอง หรือฉีกชิ้นส่วนร่างกายของตนเองออกมา แล้วใช้ชิ้นส่วนนั้นโจมตี (อวัยวะหรือชิ้นส่วนร่างกายที่หลุดออกมาจะแข็งปานเหล็กกล้า และคมกริบจนสามารถทะลุทะลวงเกราะได้ ยิ่งกว่านั้นคือชิ้นส่วนดังกล่าวจะทำลายตัวเองโดยธรรมชาติของการสลายธาตุ ขันธ์ในชั่วระยะเวลาต่อมา ซึ่งจะส่งผลให้ชิ้นส่วนนั้นเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงจนทำลายทุกอย่างที่อยู่ รอบๆให้พินาศเป็นจุลไปได้)

    4. ????? = งอกชิ้นส่วนร่างกายตนเองที่ถูกตัดหรือฉีกขาดออกไป (ไม่ว่าจะด้วยฝีมือศัตรูหรือตัวเอง) ให้กลับคืนดังเดิมได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา



    ที่เหลือเป็นปริศนา...

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น